เมาส์

Cute Panda Cute Panda

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

ใบงานที่5 บทความสารคดีที่นำมาใช้สำหรับการเขียนโครงร่าง

การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย




แหล่งกำเนิด
แหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวหรือบริเวณตำแหน่งศูนย์กลางแผ่นดินไหวส่วนใหญ่จะอยู่ตรงบริเวณ ขอบของแผ่นเปลือกโลก แนวรอยเลื่อนต่างๆ และบริเวณที่มนุษย์มีกิจกรรมกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว เช่น เหมือง เขื่อน บ่อน้ำมัน บริเวณที่มีการฉีดของเหลวลงใต้พื้นดิน บริเวณที่มีการเก็บกากรังสีเป็นต้น


การเกิดแผ่นดินไหว มีสาเหตุมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ ได้แก่
1.  แผ่นดินไหวตามธรรมชาติ
แผ่นดินไหวจากธรรมชาติเป็นธรณีพิบัติภัยชนิดหนึ่ง ส่วนมากเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน อันเนื่องมาจากการปลดปล่อยพลังงานเพื่อระบายความร้อน ที่สะสมไว้ภายในโลกออกมาอย่างฉับพลันเพื่อปรับสมดุลของเปลือกโลกให้คงที่ โดยปกติเกิดจากการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อน ภายในชั้นเปลือกโลกที่อยู่ด้านนอกสุดของโครงสร้างของโลก มีการเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ อยู่เสมอ ทั้งนี้ทฤษฎีกลไกการเกิดแผ่นดินไหวที่ยอมรับกันในปัจจุบันมี 2 ทฤษฎีคือ
  • ทฤษฎีว่าด้วยการขยายตัวของเปลือกโลก โดยแผ่นดินไหวเกิดจากการที่เปลือกโลกเกิดการคดโค้ง โก่งตัวอย่างฉับพลัน และเมื่อวัตถุขาดออกจากกันจึงปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปคลื่นแผ่นดินไหว
  • ทฤษฎีว่าด้วยการคืนตัวของวัตถุ โดยแผ่นดินไหวมาจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน กล่าวคือ เมื่อรอยเลื่อนเกิดการเคลื่อนตัวถึงจุดหนึ่งวัตถุจะขาดออกจากกันและเสียรูปอย่างมาก พร้อมทั้งปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาในรูปของคลื่นแผ่นดินไหว และหลังจากนั้นวัตถุจะคืนตัวกลับสู่รูปเดิม


แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเมื่อความเค้นอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงมีมากเกินไป ภาวะนี้เกิดขึ้นบ่อยในบริเวณขอบเขตของแผ่นเปลือกโลก ที่ที่แบ่งชั้นเปลือกโลกออกเป็นธรณีภาค (lithosphere) เรียกแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณขอบเขตของแผ่นเปลือกโลกนี้ว่าแผ่นดินไหวระหว่างแผ่น (interplate earthquake) ซึ่งเกิดได้บ่อยและรุนแรงกว่า แผ่นดินไหวภายในแผ่น (intraplate earthquake)

2.  แผ่นดินไหวจากการกระทำของมนุษย์
มีทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การระเบิด การทำเหมือง สร้างอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนใกล้รอยเลื่อน การทำงานของเครื่องจักรกล การจราจร รวมถึงการเก็บขยะนิวเคลียร์ไว้ใต้ดิน เป็นต้น
  • การสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งอาจพบปัญหาการเกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากน้ำหนักของน้ำในเขื่อนกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยพลังงาน ทำให้สภาวะความเครียดของแรงในบริเวณนั้นเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งทำให้แรงดันของน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดพลังงานต้านทานที่สะสมตัวในชั้นหิน เรียกแผ่นดินไหวลักษณะนี้ว่า แผ่นดินไหวท้องถิ่น ส่วนมากจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึก 5-10 กิโลเมตร ขนาดและความถี่ของการเกิดแผ่นดินไหวจะลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าสู่ภาวะปกติ รายงานการเกิดแผ่นดินไหวในลักษณะเช่นนี้เคยมีที่ เขื่อนฮูเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2488 แต่มีความรุนแรงเพียงเล็กน้อย เขื่อนการิบา ประเทศซิมบับเว เมื่อ พ.ศ. 2502 เขื่อนครีมัสต้า ประเทศกรีซ เมื่อ พ.ศ. 2506 และครั้งที่มีความรุนแรงครั้งหนึ่งเกิดจากเขื่อนคอยน่า ในประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2508 ซึ่งมีขนาดถึง 6.5 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 180 คน

  • การทำเหมืองในระดับลึก ซึ่งในการทำเหมืองจะมีการระเบิดหิน ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นได้

  • การสูบน้ำใต้ดิน การสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้มากเกินไป รวมถึงการสูบน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งอาจทำให้ชั้นหินที่รองรับเกิดการเคลื่อนตัวได้

  • การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดิน ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนจากการทดลองระเบิด ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดผลกระทบต่อชั้นหินที่อยู่ใต้เปลือกโลกได้

แผ่นดินไหวในประเทศไทย

การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเรื่องไกลตัว เพราะในประเทศไทยเองมีรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่มีพลังอยู่ถึง 14 รอยเลื่อน และเคยปรากฏเหตุแผ่นดินไหวมาตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย เรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ณ ปัจจุบัน ซึ่งก็มีระดับความรุนแรงตั้งแต่น้อยที่ไม่ทำให้เรารับรู้แรงสั่นสะเทือนไปจนถึงระดับความรุนแรงมากจนรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน และเกิดความเสียหายขึ้นได้

สถิติการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521-2557 ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศไทย และเป็นแผ่นดินไหวที่ระดับความรุนแรง 4.0 แมกนิจูดขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับที่รับรู้แรงสั่นสะเทือน และทำให้วัตถุแกว่งไกวได้

                                          วันที่                                               ขนาด     (แมกนิจูด)                                  จุดศูนย์กลาง ความเสียหาย
5 พ.ค. 2557    6.3 อ.พาน จ.เชียงรายบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ในจังหวัดเชียงรายและใกล้เคียงเสียหาย รับรู้ แรงสั่นสะเทือนถึงตึกสูงใน กทม.
4 มิ.ย. 2555 4.0 อ.เมือง จ.ระนองรู้สึกสั่นไหวที่ ต.เขานิเวศน์ ต.บางนอน อ.เมืองระนอง จ.ระนอง
16 เม.ย.2555 4.3 อ.ถลาง จ.ภูเก็ตรู้สึกไหวในหลายพื้นที่ใน จ.ภูเก็ต บ้านเรือนแตกร้าวหลายหลัง
 เกิดอาฟเตอร์ช็อกมากกว่า 26 ครั้ง ใน อ.ถลาง
23 ธ.ค. 2551 4.1 อ.พระแสง
 จ.สุราษฎร์ธานี  
รู้สึกสั่นไหวในบริเวณ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี
19 มิ.ย.2550  4.5 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน
22 เม.ย.2550 4.5 อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงรายรู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย และ จ.พะเยา
 13 ธ.ค.2549  5.1 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ รู้สึกสั่นสะเทือนได้เกือบทั่วไปใน จ.เชียงใหม่ และอาคารสูงใน จ.เชียงราย
17 พ.ย.2549 4.4 อ.พาน จ.เชียงราย รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.พาน และ อ.เมือง จ.เชียงราย
 15 ธ.ค.2548 4.1จ.เชียงราย     รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.เมือง อ.เทิง จ.เชียงราย
 4 ธ.ค.2548 4.1 จ.เชียงราย รู้สึกสั่นสะเทือนได้บนอาคารสูง จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน
18 ธ.ค.2545 4.3 อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ รู้สึกได้ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงราย
 2 ก.ค.2545 4.7 อ.เชียงแสน จ.เชียงราย รู้สึกได้ที่ อ.เชียงแสน อ.เมือง อ.เชียงของ จ.เชียงราย, อ.เมือง จ.พะเยา, อ.เมือง จ.น่าน มีความเสียหายเล็กน้อยบริเวณ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ
22 ก.พ.2544 4.3 เขื่อนเขาแหลม จ.กาญจนบุรี รู้สึกได้ที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
13 ก.ค.2541 4.1 อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ รู้สึกได้ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย
 2 ก.พ.2540 4.0 บริเวณ อ.สอง จ.แพร่ รู้สึกได้ที่ อ.สอง จ.แพร่
 21 ธ.ค.25385.2 อ.พร้าว จ.เชียงใหม่รู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน มีผู้สูงอายุเสียชีวิตที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 1 คน จากการล้มศีรษะ กระแทกพื้น มีความเสียหายเล็กน้อยที่บริเวณใกล้ศูนย์กลาง
 9 ธ.ค.2538 5.1 อ.ร้องกวาง จ.แพร่ รู้สึกได้ที่ อ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ และน่าน เสียหายเล็กน้อย ที่ จ.แพร่
 5 พ.ย.2538 4.0 อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ รู้สึกได้ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
17 ต.ค.2538 4.3 อ.ปาย แม่ฮ่องสอน รู้สึกได้ที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
11 ก.ย.2537 5.1 อ.แม่สรวย จ.เชียงราย รู้สึกได้ที่ จ.เชียงราย มีความเสียหายต่อสิ่งก่อสร้างใกล้ศูนย์กลาง เช่น โรงพยาบาลพาน วัด และโรงเรียน  
 8 พ.ค.2537 4.5 จ.เชียงใหม่     รู้สึกได้ที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง จ.ลำพูน
 5 พ.ย.2534 4.0 จ.แม่ฮ่องสอน รู้สึกสั่นไหวที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
 3 พ.ย.2533 4.0  จ.กาญจนบุรี รู้สึกสั่นไหวที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
12 ต.ค.2533 4.0 จ. เพชรบูรณ์ รู้สึกสั่นไหวที่ อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
28 พ.ค.2533 4.2  จ.กาญจนบุรี รู้สึกสั่นไหวที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
15 ธ.ค.2532 4.0 จ.กาญจนบุรี รู้สึกสั่นไหวที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
29 พ.ย.2531 4.5 จ.กาญจนบุรี สึกสั่นไหวที่ อ.ศรีสวัสดิ์ และ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
25 ก.ค.2531 4.2 จ.พะเยา รู้สึกสั่นไหวที่ จ.เชียงใหม่
19 ก.พ.2531 4.2 จ.เชียงใหม่ รู้สึกสั่นไหวที่ จ.เชียงใหม่
30 ส.ค.2526 4.2 จ.กาญจนบุรี รู้สึกสั่นไหวที่ จ.กาญจนบุรี
18 ก.ค.2526 4.7 จ.กาญจนบุรี รู้สึกสั่นไหวที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
22 เม.ย.2526 5.2 จ.กาญจนบุรี รู้สึกแผ่นดินไหวตลอดภาคกลาง และภาคเหนือ ส่วนอาคารใน กทม. เสียหายเล็กน้อย
22 เม.ย.2526 5.9 จ.กาญจนบุรี รู้สึกแผ่นดินไหวตลอดภาคกลาง และภาคเหนือ ส่วนอาคารใน กทม. เสียหายเล็กน้อย
15 เม.ย.2526 5.5 จ.กาญจนบุรี รู้สึกแผ่นดินไหวชัดเจนใน กทม.
20 มิ.ย.2525 4.3 จ.เชียงใหม่ รู้สึกสั่นไหวที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และลำปาง มีเสียงดังคล้ายฟ้าร้อง
22 ธ.ค.2523 4.0จ.แพร่ รู้สึกสั่นไหวที่ จ.แพร่
10 ก.พ.2523 4.2 จ.เชียงใหม่ รู้สึกสั่นไหวที่ จ.เชียงใหม่ นาน 5 วินาที
24 ก.ค.2521 4.0 จ.ตาก รู้สึกสั่นไหวที่ อ.สามเงา อ.อุ้มผาง และ อ.แม่สอด จ.ตาก
26 พ.ค.2521 4.8อ.พร้าว  จ.เชียงใหม่               เสียหายเล็กน้อยที่ อ.พร้าว รู้สึกสั่นไหวนาน 15 วินาที ที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ และลำปาง
17 ก.พ.2518  5.6   พม่า-ไทย (จ.ตาก)รู้สึกได้ทั้งภาคเหนือและภาคกลาง รวมถึง กทม. มีความเสียหายเล็กน้อย                                        

ขนาดของแผ่นดินไหว กับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น            
         
ขนาดของแผ่นดินไหว กับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น


        นอกจากนี้ หากย้อนไปดูข้อมูลในประวัติศาสตร์ ก็พบหลักฐานที่บันทึกถึงการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยเมื่อครั้งอดีตไว้เช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ก็อย่างเช่นในปี พ.ศ. 1008 เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จนทำให้โยนกนครยุบจมลง เกิดเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เป็นต้น
 สำหรับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้น มีทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ทำให้เกิดพื้นดินแตกแยก ภูเขาไฟระเบิด อาคารสิ่งก่อสร้างพังทลาย ไฟไหม้ แก๊สรั่ว ท่อระบายน้ำและท่อประปาแตก คลื่นสึนามิ แผ่นดินถล่ม เส้นทางการคมนาคมเสียหายและถูกตัดขาด ถนนและทางรถไฟบิดเบี้ยวโค้งงอ เกิดโรคระบาด ปัญหาด้านสุขภาพจิตของผู้ประสบภัย ความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน

          รวมไปถึงเกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การสื่อสารขัดข้อง ขาดช่วง ระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้อง ส่งผลต่อการลงทุน การประกันภัย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแผ่นดินไหวว่ามากน้อยแค่ไหน และต้องดูจุดกำเนิดว่าอยู่บริเวณใด เนื่องจากถึงแม้แผ่นดินไหวขนาดใหญ่มาก แต่ถ้าอยู่ไกล ความสั่นสะเทือนของคลื่นที่มาถึงสิ่งปลูกสร้างก็จะเบาลงมาก หากขนาดปานกลางแต่จุดกำเนิดใกล้กับอาคารก็จะทำให้เกิดความเสียหายในระดับรุนแรงได้ และในกรณีที่แผ่นดินไหวมีความรุนแรงมาก เมืองทั้งเมืองอาจถูกทำลายหมด และมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ในส่วนของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นใต้ทะเล แรงสั่นสะเทือนอาจจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ หรือที่เรียกว่า "สึนามิ" ซึ่งมีความเร็วคลื่น 600-800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  สามารถก่อให้เกิดน้ำท่วม สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับสิ่งก่อสร้างที่ติดอยู่ชายฝั่งทะเล

การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันความเสียหายก่อนเกิดแผ่นดินไหว

          1. ควรจะยึดเฟอร์นิเจอร์ที่มีความสูงและมีน้ำหนักมาก อย่างเช่น ชั้นวางหนังสือ หรือชั้นวางโทรทัศน์ เอาไว้กับผนังให้แน่นหนา ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า อย่างเช่น ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ ไมโครเวฟ ให้มัดติดกับผนังด้วยสายหนังหรือเทปไนลอน

          2. ควรล็อกกลอนประตูตู้เก็บของหรือชั้นวางหนังสือให้เรียบร้อย โดยเฉพาะตู้ที่อยู่เหนือศีรษะ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของที่อยู่ด้านในตกหล่นลงมา ระหว่างที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว

          3. นำสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก แตกง่าย สารเคมีที่ติดไฟง่าย อย่างเช่น สีทาบ้าน สเปรย์ สารทำความสะอาด เก็บเอาไว้ที่ชั้นด้านล่างสุดของตู้เก็บของ

          4. เตรียมตัวเคลื่อนย้ายสู่สถานที่ปลอดภัย อย่างเช่น ใต้โต๊ะ หรือที่โล่งแจ้ง เป็นต้น

การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขณะอยู่ในบ้าน
 
          1. ถ้าคุณไม่ได้อยู่ใกล้กับโต๊ะ ควรก้มตัวลงกับพื้นบริเวณใกล้ ๆ กับผนังภายใน และใช้แขนป้องกันหัวกับคอ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงผนังด้านนอก บริเวณที่ใกล้กับหน้าต่างเฟอร์นิเจอร์ทรงสูง ของใหญ่ ตู้เก็บของหนัก กระจก และสิ่งของที่แขวนบนผนังกับเพดาน
 
          2. ในกรณีที่อยู่บนเตียงควรรออยู่บริเวณนั้นและใช้หมอนป้องกันหัวเอาไว้ และควรสวมรองเท้าก่อนทุกครั้งหากจะเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่ดังกล่าว เพื่อป้องกันการเกิดบาดแผลที่อาจจะเกิดจากสิ่งของที่แตกหักระหว่างทาง
          3. สำหรับคนที่อยู่ในอาคาร ก็ให้ก้มตัวและใช้แขนป้องกันหัวของคุณ และหลีกเลี่ยงบริเวณที่ใกล้กับหน้าต่างเช่นเดียวกัน ที่สำคัญห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาด และไม่ต้องตกใจหากระบบสปริงเกอร์กับสัญญาณเตือนภัยจะทำงานโดยอัตโนมัติ

การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขณะอยู่นอกบ้าน

          1. สำหรับคนที่อยู่นอกบ้านควรเคลื่อนย้ายไปยังที่โล่งแจ้งทันที โดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอาคาร บ้านเรือน สายไฟ ต้นไม้ และอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับชีวิตและทรัพย์สิน

          2. ในกรณีที่อยู่ใกล้กับตึกสูง ควรเคลื่อนตัวสู่ที่โล่งแจ้งทันที เนื่องจากหน้าต่าง และของตกแต่งหน้าอาคารมักจะเป็นสิ่งแรกที่พังลงมาเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว ดังนั้นบริเวณดังกล่าวจึงถือว่าเป็นจุดอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง
          3. หากคุณกำลังขับรถ ควรขับรถเข้าข้างทางจอดและเซตเบรกทันที โดยพยายามหลีกเลี่ยงการจอดรถบนสะพาน พื้นที่ใกล้สายไฟ ป้ายบอกทางหรือสัญลักษณ์จราจรต่าง ๆ ต้นไม้ และสิ่งที่อาจตกหล่นใส่รถของคุณ ที่สำคัญควรอยู่ในรถจนกระทั่งแผ่นดินไหวสงบ ถ้าหากมีสายไฟตกใส่รถของคุณ ควรอยู่ในรถจนกว่าเจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้ายสายไฟออกจากตัวรถ

การปฏิบัติตัวในบ้านหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว

          หลังจากแผ่นดินไหวสงบแล้ว ก็ไม่ควรวางใจและเดินเข้าสู่ตัวบ้านจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่า บ้านของคุณปลอดภัย จากนั้นก่อนจะเคลื่อนย้ายสิ่งของใด ๆ ภายในบ้านควรตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ต่าง ๆ เสียก่อน โดยเริ่มจากการตรวจเช็กและระมัดระวังเรื่องต่อไปนี้ 

          1. กองไฟ - หากมีกองไฟเล็ก ๆ เกิดขึ้นภายในบ้านของคุณหรือเพื่อนบ้าน ควรเคลื่อนย้ายกองไฟออกจากบ้าน และโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือทันที แต่ทั้งนี้ผู้ที่สามารถช่วยเหลือได้อาจไม่สามารถเดินทางมาที่บ้านของคุณหรือเพื่อนบ้านได้ ในกรณีที่สะพานหรือถนนชำรุด เพราะเหตุแผ่นดินไหว ดังนั้นจึงควรแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่าที่ทำได้ไปก่อน ระหว่างรอความช่วยเหลือ

          2. สายไฟ - หากภายในบ้านของคุณมีความเสียหาย อันเกิดจากเหตุแผ่นดินไหว ควรปิดสวิตช์เบรกเกอร์หลักของบ้าน ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด และไม่ควรใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ จนกว่าจะซ่อมส่วนที่ชำรุดจนเสร็จเรียบร้อย ที่สำคัญควรตรวจสอบด้วยว่า มีท่อประปาแตกหักหรือชำรุดบ้างหรือไม่ หากมีควรรีบจัดการซ่อมแซม เพื่อป้องกันปัญหาไฟช็อต

          3. สิ่งของในตู้ - ระมัดระวังของหนักที่อาจจะตกลงมา หลังจากที่คุณเปิดประตูตู้เก็บของหรือตู้เสื้อผ้า

          4. แก๊ส - ควรปิดแก๊สทันที หากสงสัยว่าท่อส่งแก๊สรั่วไหล แต่ไม่ควรปิดแก๊สด้วยตัวเอง ในกรณีที่คุณเห็นว่า ถังแก๊ส เกิดความเสียหาย และที่สำคัญไม่ควรใช้สิ่งของใด ๆ ที่ก่อให้เกิดประกายไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจนกว่าจะแน่ใจว่า ทำการซ่อมแซมแก๊สเรียบร้อยแล้ว

          5. สิ่งของต่าง ๆ - ก่อนอื่นควรตรวจเช็กสารเคมีที่รั่วไหล สายไฟฟ้า และท่อประปาเสียก่อนว่ามีจุดรั่วไหลหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดไฟช็อตได้ หากภายในบ้านมีสิ่งของตกแตกควรใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนตัว อย่างเช่น ถุงมือยาง ในการเก็บและทำความสะอาดบ้าน ที่สำคัญควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นด้วย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่แน่ใจหรือสงสัยว่า อาจจะมีอันตราย ควรออกจากบ้านและรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเก็บกวาด

          6. ผนังชำรุด - พยายามออกห่างจากผนังที่ชำรุดจากเหตุแผ่นดินไหว เพราะโครงสร้างของบริเวณนี้ไม่แข็งแรง และอาจแตกหักหรือหล่นลงมาได้ในระหว่างเกิดอาฟเตอร์ช็อก

          7. งดทำอาหาร - ในระหว่างนี้ควรงดใช้เตาอบ แก๊ส หรือก่อถ่านสำหรับปิ้งย่างอาหารภายในบ้าน

การเตรียมตัวรับมือแผ่นดินไหวครั้งต่อไป
          1. บอกตำแหน่งจุดที่ปลอดภัยภายในบ้านให้สมาชิกทุกคนรับทราบ อย่างเช่น ใต้โต๊ะหรือข้างผนัง พร้อมกับวิธีป้องกันตัวจากสิ่งของและกำหนดสถานที่นัดพบของสมาชิก ในกรณีที่มีเหตุให้สมาชิกต้องแยกย้ายกันไป

          2. เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินเอาไว้ให้พร้อม และตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่า เบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ยังเปิดให้บริการอยู่

          3. สอนสมาชิกภายในบ้านให้รู้จักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมกับวิธีปิดสวิตช์เบรกเกอร์ แก๊ส ท่อน้ำประปา และสิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายด้วยวิธีที่ถูกต้อง

          4. เตรียมสิ่งของกับอาหารที่จำเป็นเอาไว้ให้พร้อม และเพียงพอกับจำนวนสมาชิกภายในบ้าน



















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น