การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย
แหล่งกำเนิด
แหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวหรือบริเวณตำแหน่งศูนย์กลางแผ่นดินไหวส่วนใหญ่จะอยู่ตรงบริเวณ ขอบของแผ่นเปลือกโลก แนวรอยเลื่อนต่างๆ และบริเวณที่มนุษย์มีกิจกรรมกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว เช่น เหมือง เขื่อน บ่อน้ำมัน บริเวณที่มีการฉีดของเหลวลงใต้พื้นดิน บริเวณที่มีการเก็บกากรังสีเป็นต้น
การเกิดแผ่นดินไหว มีสาเหตุมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ ได้แก่
1. แผ่นดินไหวตามธรรมชาติ
แผ่นดินไหวจากธรรมชาติเป็นธรณีพิบัติภัยชนิดหนึ่ง ส่วนมากเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน อันเนื่องมาจากการปลดปล่อยพลังงานเพื่อระบายความร้อน ที่สะสมไว้ภายในโลกออกมาอย่างฉับพลันเพื่อปรับสมดุลของเปลือกโลกให้คงที่ โดยปกติเกิดจากการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อน ภายในชั้นเปลือกโลกที่อยู่ด้านนอกสุดของโครงสร้างของโลก มีการเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ อยู่เสมอ ทั้งนี้ทฤษฎีกลไกการเกิดแผ่นดินไหวที่ยอมรับกันในปัจจุบันมี 2 ทฤษฎีคือ
- ทฤษฎีว่าด้วยการขยายตัวของเปลือกโลก โดยแผ่นดินไหวเกิดจากการที่เปลือกโลกเกิดการคดโค้ง โก่งตัวอย่างฉับพลัน และเมื่อวัตถุขาดออกจากกันจึงปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปคลื่นแผ่นดินไหว
- ทฤษฎีว่าด้วยการคืนตัวของวัตถุ โดยแผ่นดินไหวมาจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน กล่าวคือ เมื่อรอยเลื่อนเกิดการเคลื่อนตัวถึงจุดหนึ่งวัตถุจะขาดออกจากกันและเสียรูปอย่างมาก พร้อมทั้งปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาในรูปของคลื่นแผ่นดินไหว และหลังจากนั้นวัตถุจะคืนตัวกลับสู่รูปเดิม
แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเมื่อความเค้นอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงมีมากเกินไป ภาวะนี้เกิดขึ้นบ่อยในบริเวณขอบเขตของแผ่นเปลือกโลก ที่ที่แบ่งชั้นเปลือกโลกออกเป็นธรณีภาค (lithosphere) เรียกแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณขอบเขตของแผ่นเปลือกโลกนี้ว่าแผ่นดินไหวระหว่างแผ่น (interplate earthquake) ซึ่งเกิดได้บ่อยและรุนแรงกว่า แผ่นดินไหวภายในแผ่น (intraplate earthquake)
2. แผ่นดินไหวจากการกระทำของมนุษย์
มีทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การระเบิด การทำเหมือง สร้างอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนใกล้รอยเลื่อน การทำงานของเครื่องจักรกล การจราจร รวมถึงการเก็บขยะนิวเคลียร์ไว้ใต้ดิน เป็นต้น
- การสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งอาจพบปัญหาการเกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากน้ำหนักของน้ำในเขื่อนกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยพลังงาน ทำให้สภาวะความเครียดของแรงในบริเวณนั้นเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งทำให้แรงดันของน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดพลังงานต้านทานที่สะสมตัวในชั้นหิน เรียกแผ่นดินไหวลักษณะนี้ว่า แผ่นดินไหวท้องถิ่น ส่วนมากจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึก 5-10 กิโลเมตร ขนาดและความถี่ของการเกิดแผ่นดินไหวจะลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าสู่ภาวะปกติ รายงานการเกิดแผ่นดินไหวในลักษณะเช่นนี้เคยมีที่ เขื่อนฮูเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2488 แต่มีความรุนแรงเพียงเล็กน้อย เขื่อนการิบา ประเทศซิมบับเว เมื่อ พ.ศ. 2502 เขื่อนครีมัสต้า ประเทศกรีซ เมื่อ พ.ศ. 2506 และครั้งที่มีความรุนแรงครั้งหนึ่งเกิดจากเขื่อนคอยน่า ในประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2508 ซึ่งมีขนาดถึง 6.5 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 180 คน
- การทำเหมืองในระดับลึก ซึ่งในการทำเหมืองจะมีการระเบิดหิน ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นได้
- การสูบน้ำใต้ดิน การสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้มากเกินไป รวมถึงการสูบน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งอาจทำให้ชั้นหินที่รองรับเกิดการเคลื่อนตัวได้
- การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดิน ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนจากการทดลองระเบิด ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดผลกระทบต่อชั้นหินที่อยู่ใต้เปลือกโลกได้
แผ่นดินไหวในประเทศไทย
การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเรื่องไกลตัว เพราะในประเทศไทยเองมีรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่มีพลังอยู่ถึง 14 รอยเลื่อน และเคยปรากฏเหตุแผ่นดินไหวมาตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย เรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ณ ปัจจุบัน ซึ่งก็มีระดับความรุนแรงตั้งแต่น้อยที่ไม่ทำให้เรารับรู้แรงสั่นสะเทือนไปจนถึงระดับความรุนแรงมากจนรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน และเกิดความเสียหายขึ้นได้
สถิติการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521-2557 ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศไทย และเป็นแผ่นดินไหวที่ระดับความรุนแรง 4.0 แมกนิจูดขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับที่รับรู้แรงสั่นสะเทือน และทำให้วัตถุแกว่งไกวได้
วันที่ | ขนาด (แมกนิจูด) | จุดศูนย์กลาง | ความเสียหาย |
5 พ.ค. 2557 | 6.3 | อ.พาน จ.เชียงราย | บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ในจังหวัดเชียงรายและใกล้เคียงเสียหาย รับรู้ แรงสั่นสะเทือนถึงตึกสูงใน กทม. |
4 มิ.ย. 2555 | 4.0 | อ.เมือง จ.ระนอง | รู้สึกสั่นไหวที่ ต.เขานิเวศน์ ต.บางนอน อ.เมืองระนอง จ.ระนอง |
16 เม.ย.2555 | 4.3 | อ.ถลาง จ.ภูเก็ต | รู้สึกไหวในหลายพื้นที่ใน จ.ภูเก็ต บ้านเรือนแตกร้าวหลายหลัง เกิดอาฟเตอร์ช็อกมากกว่า 26 ครั้ง ใน อ.ถลาง |
23 ธ.ค. 2551 | 4.1 | อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี | รู้สึกสั่นไหวในบริเวณ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี |
19 มิ.ย.2550 | 4.5 | อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ | รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน |
22 เม.ย.2550 | 4.5 | อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย | รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย และ จ.พะเยา |
13 ธ.ค.2549 | 5.1 | อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ | รู้สึกสั่นสะเทือนได้เกือบทั่วไปใน จ.เชียงใหม่ และอาคารสูงใน จ.เชียงราย |
17 พ.ย.2549 | 4.4 | อ.พาน จ.เชียงราย | รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.พาน และ อ.เมือง จ.เชียงราย |
15 ธ.ค.2548 | 4.1 | จ.เชียงราย | รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ อ.เมือง อ.เทิง จ.เชียงราย |
4 ธ.ค.2548 | 4.1 | จ.เชียงราย | รู้สึกสั่นสะเทือนได้บนอาคารสูง จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน |
18 ธ.ค.2545 | 4.3 | อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ | รู้สึกได้ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงราย |
2 ก.ค.2545 | 4.7 | อ.เชียงแสน จ.เชียงราย | รู้สึกได้ที่ อ.เชียงแสน อ.เมือง อ.เชียงของ จ.เชียงราย, อ.เมือง จ.พะเยา, อ.เมือง จ.น่าน มีความเสียหายเล็กน้อยบริเวณ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ |
22 ก.พ.2544 | 4.3 | เขื่อนเขาแหลม จ.กาญจนบุรี | รู้สึกได้ที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี |
13 ก.ค.2541 | 4.1 | อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ | รู้สึกได้ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย |
2 ก.พ.2540 | 4.0 | บริเวณ อ.สอง จ.แพร่ | รู้สึกได้ที่ อ.สอง จ.แพร่ |
21 ธ.ค.2538 | 5.2 | อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ | รู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน มีผู้สูงอายุเสียชีวิตที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 1 คน จากการล้มศีรษะ กระแทกพื้น มีความเสียหายเล็กน้อยที่บริเวณใกล้ศูนย์กลาง |
9 ธ.ค.2538 | 5.1 | อ.ร้องกวาง จ.แพร่ | รู้สึกได้ที่ อ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ และน่าน เสียหายเล็กน้อย ที่ จ.แพร่ |
5 พ.ย.2538 | 4.0 | อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ | รู้สึกได้ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ |
17 ต.ค.2538 | 4.3 | อ.ปาย แม่ฮ่องสอน | รู้สึกได้ที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ |
11 ก.ย.2537 | 5.1 | อ.แม่สรวย จ.เชียงราย | รู้สึกได้ที่ จ.เชียงราย มีความเสียหายต่อสิ่งก่อสร้างใกล้ศูนย์กลาง เช่น โรงพยาบาลพาน วัด และโรงเรียน |
8 พ.ค.2537 | 4.5 | จ.เชียงใหม่ | รู้สึกได้ที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง จ.ลำพูน |
5 พ.ย.2534 | 4.0 | จ.แม่ฮ่องสอน | รู้สึกสั่นไหวที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน |
3 พ.ย.2533 | 4.0 | จ.กาญจนบุรี | รู้สึกสั่นไหวที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี |
12 ต.ค.2533 | 4.0 | จ. เพชรบูรณ์ | รู้สึกสั่นไหวที่ อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ |
28 พ.ค.2533 | 4.2 | จ.กาญจนบุรี | รู้สึกสั่นไหวที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี |
15 ธ.ค.2532 | 4.0 | จ.กาญจนบุรี | รู้สึกสั่นไหวที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี |
29 พ.ย.2531 | 4.5 | จ.กาญจนบุรี | สึกสั่นไหวที่ อ.ศรีสวัสดิ์ และ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี |
25 ก.ค.2531 | 4.2 | จ.พะเยา | รู้สึกสั่นไหวที่ จ.เชียงใหม่ |
19 ก.พ.2531 | 4.2 | จ.เชียงใหม่ | รู้สึกสั่นไหวที่ จ.เชียงใหม่ |
30 ส.ค.2526 | 4.2 | จ.กาญจนบุรี | รู้สึกสั่นไหวที่ จ.กาญจนบุรี |
18 ก.ค.2526 | 4.7 | จ.กาญจนบุรี | รู้สึกสั่นไหวที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี |
22 เม.ย.2526 | 5.2 | จ.กาญจนบุรี | รู้สึกแผ่นดินไหวตลอดภาคกลาง และภาคเหนือ ส่วนอาคารใน กทม. เสียหายเล็กน้อย |
22 เม.ย.2526 | 5.9 | จ.กาญจนบุรี | รู้สึกแผ่นดินไหวตลอดภาคกลาง และภาคเหนือ ส่วนอาคารใน กทม. เสียหายเล็กน้อย |
15 เม.ย.2526 | 5.5 | จ.กาญจนบุรี | รู้สึกแผ่นดินไหวชัดเจนใน กทม. |
20 มิ.ย.2525 | 4.3 | จ.เชียงใหม่ | รู้สึกสั่นไหวที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และลำปาง มีเสียงดังคล้ายฟ้าร้อง |
22 ธ.ค.2523 | 4.0 | จ.แพร่ | รู้สึกสั่นไหวที่ จ.แพร่ |
10 ก.พ.2523 | 4.2 | จ.เชียงใหม่ | รู้สึกสั่นไหวที่ จ.เชียงใหม่ นาน 5 วินาที |
24 ก.ค.2521 | 4.0 | จ.ตาก | รู้สึกสั่นไหวที่ อ.สามเงา อ.อุ้มผาง และ อ.แม่สอด จ.ตาก |
26 พ.ค.2521 | 4.8 | อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ | เสียหายเล็กน้อยที่ อ.พร้าว รู้สึกสั่นไหวนาน 15 วินาที ที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ และลำปาง |
17 ก.พ.2518 | 5.6 | พม่า-ไทย (จ.ตาก) | รู้สึกได้ทั้งภาคเหนือและภาคกลาง รวมถึง กทม. มีความเสียหายเล็กน้อย |
ขนาดของแผ่นดินไหว กับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ หากย้อนไปดูข้อมูลในประวัติศาสตร์ ก็พบหลักฐานที่บันทึกถึงการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยเมื่อครั้งอดีตไว้เช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ก็อย่างเช่นในปี พ.ศ. 1008 เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จนทำให้โยนกนครยุบจมลง เกิดเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เป็นต้น
สำหรับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้น มีทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ทำให้เกิดพื้นดินแตกแยก ภูเขาไฟระเบิด อาคารสิ่งก่อสร้างพังทลาย ไฟไหม้ แก๊สรั่ว ท่อระบายน้ำและท่อประปาแตก คลื่นสึนามิ แผ่นดินถล่ม เส้นทางการคมนาคมเสียหายและถูกตัดขาด ถนนและทางรถไฟบิดเบี้ยวโค้งงอ เกิดโรคระบาด ปัญหาด้านสุขภาพจิตของผู้ประสบภัย ความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน
รวมไปถึงเกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การสื่อสารขัดข้อง ขาดช่วง ระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้อง ส่งผลต่อการลงทุน การประกันภัย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแผ่นดินไหวว่ามากน้อยแค่ไหน และต้องดูจุดกำเนิดว่าอยู่บริเวณใด เนื่องจากถึงแม้แผ่นดินไหวขนาดใหญ่มาก แต่ถ้าอยู่ไกล ความสั่นสะเทือนของคลื่นที่มาถึงสิ่งปลูกสร้างก็จะเบาลงมาก หากขนาดปานกลางแต่จุดกำเนิดใกล้กับอาคารก็จะทำให้เกิดความเสียหายในระดับรุนแรงได้ และในกรณีที่แผ่นดินไหวมีความรุนแรงมาก เมืองทั้งเมืองอาจถูกทำลายหมด และมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ในส่วนของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นใต้ทะเล แรงสั่นสะเทือนอาจจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ หรือที่เรียกว่า "สึนามิ" ซึ่งมีความเร็วคลื่น 600-800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถก่อให้เกิดน้ำท่วม สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับสิ่งก่อสร้างที่ติดอยู่ชายฝั่งทะเล
รวมไปถึงเกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การสื่อสารขัดข้อง ขาดช่วง ระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้อง ส่งผลต่อการลงทุน การประกันภัย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแผ่นดินไหวว่ามากน้อยแค่ไหน และต้องดูจุดกำเนิดว่าอยู่บริเวณใด เนื่องจากถึงแม้แผ่นดินไหวขนาดใหญ่มาก แต่ถ้าอยู่ไกล ความสั่นสะเทือนของคลื่นที่มาถึงสิ่งปลูกสร้างก็จะเบาลงมาก หากขนาดปานกลางแต่จุดกำเนิดใกล้กับอาคารก็จะทำให้เกิดความเสียหายในระดับรุนแรงได้ และในกรณีที่แผ่นดินไหวมีความรุนแรงมาก เมืองทั้งเมืองอาจถูกทำลายหมด และมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ในส่วนของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นใต้ทะเล แรงสั่นสะเทือนอาจจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ หรือที่เรียกว่า "สึนามิ" ซึ่งมีความเร็วคลื่น 600-800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถก่อให้เกิดน้ำท่วม สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับสิ่งก่อสร้างที่ติดอยู่ชายฝั่งทะเล
การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันความเสียหายก่อนเกิดแผ่นดินไหว
1. ควรจะยึดเฟอร์นิเจอร์ที่มีความสูงและมีน้ำหนักมาก อย่างเช่น ชั้นวางหนังสือ หรือชั้นวางโทรทัศน์ เอาไว้กับผนังให้แน่นหนา ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า อย่างเช่น ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ ไมโครเวฟ ให้มัดติดกับผนังด้วยสายหนังหรือเทปไนลอน
2. ควรล็อกกลอนประตูตู้เก็บของหรือชั้นวางหนังสือให้เรียบร้อย โดยเฉพาะตู้ที่อยู่เหนือศีรษะ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของที่อยู่ด้านในตกหล่นลงมา ระหว่างที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว
3. นำสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก แตกง่าย สารเคมีที่ติดไฟง่าย อย่างเช่น สีทาบ้าน สเปรย์ สารทำความสะอาด เก็บเอาไว้ที่ชั้นด้านล่างสุดของตู้เก็บของ
4. เตรียมตัวเคลื่อนย้ายสู่สถานที่ปลอดภัย อย่างเช่น ใต้โต๊ะ หรือที่โล่งแจ้ง เป็นต้น
การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขณะอยู่ในบ้าน
1. ถ้าคุณไม่ได้อยู่ใกล้กับโต๊ะ ควรก้มตัวลงกับพื้นบริเวณใกล้ ๆ กับผนังภายใน และใช้แขนป้องกันหัวกับคอ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงผนังด้านนอก บริเวณที่ใกล้กับหน้าต่างเฟอร์นิเจอร์ทรงสูง ของใหญ่ ตู้เก็บของหนัก กระจก และสิ่งของที่แขวนบนผนังกับเพดาน
2. ในกรณีที่อยู่บนเตียงควรรออยู่บริเวณนั้นและใช้หมอนป้องกันหัวเอาไว้ และควรสวมรองเท้าก่อนทุกครั้งหากจะเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่ดังกล่าว เพื่อป้องกันการเกิดบาดแผลที่อาจจะเกิดจากสิ่งของที่แตกหักระหว่างทาง
1. ถ้าคุณไม่ได้อยู่ใกล้กับโต๊ะ ควรก้มตัวลงกับพื้นบริเวณใกล้ ๆ กับผนังภายใน และใช้แขนป้องกันหัวกับคอ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงผนังด้านนอก บริเวณที่ใกล้กับหน้าต่างเฟอร์นิเจอร์ทรงสูง ของใหญ่ ตู้เก็บของหนัก กระจก และสิ่งของที่แขวนบนผนังกับเพดาน
2. ในกรณีที่อยู่บนเตียงควรรออยู่บริเวณนั้นและใช้หมอนป้องกันหัวเอาไว้ และควรสวมรองเท้าก่อนทุกครั้งหากจะเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่ดังกล่าว เพื่อป้องกันการเกิดบาดแผลที่อาจจะเกิดจากสิ่งของที่แตกหักระหว่างทาง
3. สำหรับคนที่อยู่ในอาคาร ก็ให้ก้มตัวและใช้แขนป้องกันหัวของคุณ และหลีกเลี่ยงบริเวณที่ใกล้กับหน้าต่างเช่นเดียวกัน ที่สำคัญห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาด และไม่ต้องตกใจหากระบบสปริงเกอร์กับสัญญาณเตือนภัยจะทำงานโดยอัตโนมัติ
การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขณะอยู่นอกบ้าน
1. สำหรับคนที่อยู่นอกบ้านควรเคลื่อนย้ายไปยังที่โล่งแจ้งทันที โดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอาคาร บ้านเรือน สายไฟ ต้นไม้ และอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับชีวิตและทรัพย์สิน
2. ในกรณีที่อยู่ใกล้กับตึกสูง ควรเคลื่อนตัวสู่ที่โล่งแจ้งทันที เนื่องจากหน้าต่าง และของตกแต่งหน้าอาคารมักจะเป็นสิ่งแรกที่พังลงมาเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว ดังนั้นบริเวณดังกล่าวจึงถือว่าเป็นจุดอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง
การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขณะอยู่นอกบ้าน
1. สำหรับคนที่อยู่นอกบ้านควรเคลื่อนย้ายไปยังที่โล่งแจ้งทันที โดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอาคาร บ้านเรือน สายไฟ ต้นไม้ และอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับชีวิตและทรัพย์สิน
2. ในกรณีที่อยู่ใกล้กับตึกสูง ควรเคลื่อนตัวสู่ที่โล่งแจ้งทันที เนื่องจากหน้าต่าง และของตกแต่งหน้าอาคารมักจะเป็นสิ่งแรกที่พังลงมาเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว ดังนั้นบริเวณดังกล่าวจึงถือว่าเป็นจุดอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง
3. หากคุณกำลังขับรถ ควรขับรถเข้าข้างทางจอดและเซตเบรกทันที โดยพยายามหลีกเลี่ยงการจอดรถบนสะพาน พื้นที่ใกล้สายไฟ ป้ายบอกทางหรือสัญลักษณ์จราจรต่าง ๆ ต้นไม้ และสิ่งที่อาจตกหล่นใส่รถของคุณ ที่สำคัญควรอยู่ในรถจนกระทั่งแผ่นดินไหวสงบ ถ้าหากมีสายไฟตกใส่รถของคุณ ควรอยู่ในรถจนกว่าเจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้ายสายไฟออกจากตัวรถ
การปฏิบัติตัวในบ้านหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว
หลังจากแผ่นดินไหวสงบแล้ว ก็ไม่ควรวางใจและเดินเข้าสู่ตัวบ้านจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่า บ้านของคุณปลอดภัย จากนั้นก่อนจะเคลื่อนย้ายสิ่งของใด ๆ ภายในบ้านควรตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ต่าง ๆ เสียก่อน โดยเริ่มจากการตรวจเช็กและระมัดระวังเรื่องต่อไปนี้
1. กองไฟ - หากมีกองไฟเล็ก ๆ เกิดขึ้นภายในบ้านของคุณหรือเพื่อนบ้าน ควรเคลื่อนย้ายกองไฟออกจากบ้าน และโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือทันที แต่ทั้งนี้ผู้ที่สามารถช่วยเหลือได้อาจไม่สามารถเดินทางมาที่บ้านของคุณหรือเพื่อนบ้านได้ ในกรณีที่สะพานหรือถนนชำรุด เพราะเหตุแผ่นดินไหว ดังนั้นจึงควรแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่าที่ทำได้ไปก่อน ระหว่างรอความช่วยเหลือ
2. สายไฟ - หากภายในบ้านของคุณมีความเสียหาย อันเกิดจากเหตุแผ่นดินไหว ควรปิดสวิตช์เบรกเกอร์หลักของบ้าน ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด และไม่ควรใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ จนกว่าจะซ่อมส่วนที่ชำรุดจนเสร็จเรียบร้อย ที่สำคัญควรตรวจสอบด้วยว่า มีท่อประปาแตกหักหรือชำรุดบ้างหรือไม่ หากมีควรรีบจัดการซ่อมแซม เพื่อป้องกันปัญหาไฟช็อต
3. สิ่งของในตู้ - ระมัดระวังของหนักที่อาจจะตกลงมา หลังจากที่คุณเปิดประตูตู้เก็บของหรือตู้เสื้อผ้า
4. แก๊ส - ควรปิดแก๊สทันที หากสงสัยว่าท่อส่งแก๊สรั่วไหล แต่ไม่ควรปิดแก๊สด้วยตัวเอง ในกรณีที่คุณเห็นว่า ถังแก๊ส เกิดความเสียหาย และที่สำคัญไม่ควรใช้สิ่งของใด ๆ ที่ก่อให้เกิดประกายไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจนกว่าจะแน่ใจว่า ทำการซ่อมแซมแก๊สเรียบร้อยแล้ว
5. สิ่งของต่าง ๆ - ก่อนอื่นควรตรวจเช็กสารเคมีที่รั่วไหล สายไฟฟ้า และท่อประปาเสียก่อนว่ามีจุดรั่วไหลหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดไฟช็อตได้ หากภายในบ้านมีสิ่งของตกแตกควรใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนตัว อย่างเช่น ถุงมือยาง ในการเก็บและทำความสะอาดบ้าน ที่สำคัญควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นด้วย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่แน่ใจหรือสงสัยว่า อาจจะมีอันตราย ควรออกจากบ้านและรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเก็บกวาด
6. ผนังชำรุด - พยายามออกห่างจากผนังที่ชำรุดจากเหตุแผ่นดินไหว เพราะโครงสร้างของบริเวณนี้ไม่แข็งแรง และอาจแตกหักหรือหล่นลงมาได้ในระหว่างเกิดอาฟเตอร์ช็อก
7. งดทำอาหาร - ในระหว่างนี้ควรงดใช้เตาอบ แก๊ส หรือก่อถ่านสำหรับปิ้งย่างอาหารภายในบ้าน
การเตรียมตัวรับมือแผ่นดินไหวครั้งต่อไป
การปฏิบัติตัวในบ้านหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว
หลังจากแผ่นดินไหวสงบแล้ว ก็ไม่ควรวางใจและเดินเข้าสู่ตัวบ้านจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่า บ้านของคุณปลอดภัย จากนั้นก่อนจะเคลื่อนย้ายสิ่งของใด ๆ ภายในบ้านควรตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ต่าง ๆ เสียก่อน โดยเริ่มจากการตรวจเช็กและระมัดระวังเรื่องต่อไปนี้
1. กองไฟ - หากมีกองไฟเล็ก ๆ เกิดขึ้นภายในบ้านของคุณหรือเพื่อนบ้าน ควรเคลื่อนย้ายกองไฟออกจากบ้าน และโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือทันที แต่ทั้งนี้ผู้ที่สามารถช่วยเหลือได้อาจไม่สามารถเดินทางมาที่บ้านของคุณหรือเพื่อนบ้านได้ ในกรณีที่สะพานหรือถนนชำรุด เพราะเหตุแผ่นดินไหว ดังนั้นจึงควรแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่าที่ทำได้ไปก่อน ระหว่างรอความช่วยเหลือ
2. สายไฟ - หากภายในบ้านของคุณมีความเสียหาย อันเกิดจากเหตุแผ่นดินไหว ควรปิดสวิตช์เบรกเกอร์หลักของบ้าน ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด และไม่ควรใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ จนกว่าจะซ่อมส่วนที่ชำรุดจนเสร็จเรียบร้อย ที่สำคัญควรตรวจสอบด้วยว่า มีท่อประปาแตกหักหรือชำรุดบ้างหรือไม่ หากมีควรรีบจัดการซ่อมแซม เพื่อป้องกันปัญหาไฟช็อต
3. สิ่งของในตู้ - ระมัดระวังของหนักที่อาจจะตกลงมา หลังจากที่คุณเปิดประตูตู้เก็บของหรือตู้เสื้อผ้า
4. แก๊ส - ควรปิดแก๊สทันที หากสงสัยว่าท่อส่งแก๊สรั่วไหล แต่ไม่ควรปิดแก๊สด้วยตัวเอง ในกรณีที่คุณเห็นว่า ถังแก๊ส เกิดความเสียหาย และที่สำคัญไม่ควรใช้สิ่งของใด ๆ ที่ก่อให้เกิดประกายไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจนกว่าจะแน่ใจว่า ทำการซ่อมแซมแก๊สเรียบร้อยแล้ว
5. สิ่งของต่าง ๆ - ก่อนอื่นควรตรวจเช็กสารเคมีที่รั่วไหล สายไฟฟ้า และท่อประปาเสียก่อนว่ามีจุดรั่วไหลหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดไฟช็อตได้ หากภายในบ้านมีสิ่งของตกแตกควรใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนตัว อย่างเช่น ถุงมือยาง ในการเก็บและทำความสะอาดบ้าน ที่สำคัญควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นด้วย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่แน่ใจหรือสงสัยว่า อาจจะมีอันตราย ควรออกจากบ้านและรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเก็บกวาด
6. ผนังชำรุด - พยายามออกห่างจากผนังที่ชำรุดจากเหตุแผ่นดินไหว เพราะโครงสร้างของบริเวณนี้ไม่แข็งแรง และอาจแตกหักหรือหล่นลงมาได้ในระหว่างเกิดอาฟเตอร์ช็อก
7. งดทำอาหาร - ในระหว่างนี้ควรงดใช้เตาอบ แก๊ส หรือก่อถ่านสำหรับปิ้งย่างอาหารภายในบ้าน
การเตรียมตัวรับมือแผ่นดินไหวครั้งต่อไป
1. บอกตำแหน่งจุดที่ปลอดภัยภายในบ้านให้สมาชิกทุกคนรับทราบ อย่างเช่น ใต้โต๊ะหรือข้างผนัง พร้อมกับวิธีป้องกันตัวจากสิ่งของและกำหนดสถานที่นัดพบของสมาชิก ในกรณีที่มีเหตุให้สมาชิกต้องแยกย้ายกันไป
2. เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินเอาไว้ให้พร้อม และตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่า เบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ยังเปิดให้บริการอยู่
3. สอนสมาชิกภายในบ้านให้รู้จักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมกับวิธีปิดสวิตช์เบรกเกอร์ แก๊ส ท่อน้ำประปา และสิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายด้วยวิธีที่ถูกต้อง
4. เตรียมสิ่งของกับอาหารที่จำเป็นเอาไว้ให้พร้อม และเพียงพอกับจำนวนสมาชิกภายในบ้าน
2. เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินเอาไว้ให้พร้อม และตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่า เบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ยังเปิดให้บริการอยู่
3. สอนสมาชิกภายในบ้านให้รู้จักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมกับวิธีปิดสวิตช์เบรกเกอร์ แก๊ส ท่อน้ำประปา และสิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายด้วยวิธีที่ถูกต้อง
4. เตรียมสิ่งของกับอาหารที่จำเป็นเอาไว้ให้พร้อม และเพียงพอกับจำนวนสมาชิกภายในบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น